ผู้กำกับตำรวจ ยกมือไหว้ หนุ่มที่ถูกซ้อมกรณีเข้าใจผิดว่าเป็น ยาเค ก่อนที่แท้จริงจะพบว่า การบูร ด้านหนุ่มถูกซ้อมกล่าวอยากให้ตรวจสอบดีกว่านี้ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ นำหลักฐานไปยัง ศปก.สภ.สำโรงเหนือ พร้อมพานายฮาซัน อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากกรณีฉาวก่อนหน้านี้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมนาย ฮาซัน หลังจากที่ตำรวจพบสารสีขาวและคิดว่าเป็นยาเค พร้อมใส่กุญแจมือและทำร้ายร่างกาย ก่อนที่ความจริงจะปรากฏออกมาว่าเป็น การบูร จนนำไปสู่การลงดาบ 5 ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้
นายฮาซัน เปิดเผยว่า อยากให้ตำรวจมีดุลพินิจในการดูของกลาง หรือยาเสพติด
ให้มากกว่านี้ อยากจะถามถึงชุดที่จับกุมในวันนั้น ว่าตนอ้อนวอนเขา ปฎิเสธทุกครั้งว่าไม่มีสารเสพติด ก้มลงไปกราบเท้า จนอยากจะถามว่าชุดจับกุมนั้น กล้าทำเหมือนตนวันนั้นหรือเปล่า ตนเสียความรู้สึก ฝังอยู่ในใจทุกวันนี้ ฝากถึงคนที่ต่อยหน้า อยากให้ควบคุมอารมณ์มากกว่านี้
ขณะที่ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า ขอบคุณตำรวจ ที่มีความอดทนมายืนรอหน้าบ้าน ครึ่งชั่วโมง เพื่อขอโทษ ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าแม่ก็กลัว ที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับตำรวจ แม่ก็ขอโทษด้วย อยากฝากถึง ตำรวจที่พึ่งของประชาชน อยากให้มีดุลพินิจในการจับกุมยาเสพติด อยากให้กรณีลูกชายเป็นกรณีอุทาหรณ์ แม่ก็สบายใจขึ้นที่ได้มาพูดคุยกับตำรวจในวันนี้
พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ เปิดเผยว่า ตนยินดีรับผิดชอบ กับเรื่องทั้งหมด เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงาน พร้อมเข้าไปเยียวยาผู้เสียหาย ในสิ่งที่ผิดพลาดก็ต้องไปถอดบทเรียน แก้ไข เพื่อไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก ส่วนเรื่องคดีก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง เป็นไปตามขั้นตอน ตนในฐานะผู้บังคับบัญชา อยากจะกราบขอโทษ น้องฮาซัน และครอบครัว
หลังจากนั้น พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ และตำรวจ ได้ลุกขึ้น ยกมือไหว้ขอโทษ โดยผู้เสียหาย และครอบครัวก็ลุกขึ้น รับไหว้ตำรวจ
ต่อมาทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เผยต่อว่า ได้คุยกับผู้เสียหายมาแล้ว ทางตำรวจออกมาแสดงความรับผิดชอบ เยียวยา ผู้เสียหายก็ไม่ติดใจดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆ เบื้องต้นจะแจ้งความ ในข้อหา “ทำร้ายร่างกาย” เพียง 1 ข้อหาเดียว ว่าไปตามกฎหมาย และตนในฐานะทนายความ จะติดตามเรื่องการเยียวยา ให้ผู้เสียหาย
เหยื่อ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างชื่อ DHL แฉในโหนกระแส สูญเงินกว่า 3 ล้าน
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างชื่อ DHL หลอกเหยื่อสูญเงินหลายล้าน สาวโชคร้ายเปิดใจกับ กรรชัย ในโหนกระแส โดนไป 3 บัญชี รวมแล้วกว่า 3 ล้าน กรณี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างชื่อ DHL หรือ DHL Express บริษัทขนส่งดัง เพื่อหวังข้อมูลส่วนบุคคลหรือทรัพย์สิน โดยใช้อุบายหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อทำนองว่าส่งของผิดกฎหมาย ติดค้างอยู่ด่านศุลกากร ก่อนออกอุบายให้โอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก บางรายสูญเงินหลักหลายล้านบาท
ล่าสุด วันนี้ (12 ม.ค.65) รายการโหนกระแส โดยพิธีกร “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย ได้สัมภาษณ์เหยื่อที่ถูกหลอก ทั้ง คุณบุศ เสียเงิน 3 ล้าน, คุณยศ เสียเงิน 2.9 ล้าน, คุณโอ๋ เสียเงิน 1.7 ล้าน
คุณบุศ ผู้เสียหายที่สูญเงินไปสามบัญชีรวมแล้วกว่า 3 ล้านบาท เล่าว่า มีโทรศัพท์เข้ามาช่วงเช้า อ้างมาจาก DHL แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้รับเป็นเสียงอัตโนมัติ แจ้งว่าตัวเธอเองส่งของผิดกฏหมาย
จากนั้นโอนสายไปให้เจ้าหน้าที่อีกคน ก็ถามว่าได้ส่งพัสดุอันนี้หรือไม่ เธอปฏิเสธ ทางมิจฉาชีพจึงอ้างว่า ตัวผู้เสียหายถูกแอบอ้างชื่อส่งของไปมีพาสปอร์ตกับเอทีเอ็ม เป็นของผิดกฎหมาย มีการจะต่อสายไปยัง สภ.เชียงใหม่ พอโอนสายไปก็เจอคนแอบอ้างเป็นตำรวจ
กรรชัย พยายามสอบถามว่า ได้เอะใจหรือไม่ ว่าเป็นการโอนสายจาก DHL ไปให้ตำรวจ ซึ่ง คุณบุศ ก็ยอมรับว่าไม่ได้เอะใจ
ตอนที่ต่อสายให้ตำรวจ ตัวเธออธิบายว่าไม่สะดวกเดินทางไปแจ้งความได้ แก๊งโจรแสบจึงบอกให้แจ้งความผ่านไลน์ มีการเอาชื่อผู้เสียหายไปตรวจสอบ แล้วอ้างว่าพบ พัวพันคดีฟอกเงิน 8 ล้าน
คุณบุศ ยอมรับว่าตอนนั้นตกดใจมาก จากนั้นมิจฉาชีพขู่อีกห้ามบอกใคร เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ต่อมาก็ถูกสอบปากคำให้บอกเลขบัญชีทั้งหมดที่มี อันไหนไม่ตรงจากการตรวจสอบจะทำการอายัด
ทั้งนี้เมื่อ กรรชัย ถามว่า อะไรทำให้ตัดสินใจโอนเงินไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุณบุศ ตอบว่า กลุ่มมิจฉาชีพสร้างสถานการณ์ใจนทำให้เชื่อ บอกถ้าบริสุทธิ์ใจ ต้องยอมทำแต่โดยดี บอกให้โอนให้หมด ปัดหลักหน่วยออกไป เพื่อการตรวจสอบ สุดท้ายโอนไป 3 บัญชีรวม เกือบ 3 ล้าน พอมาตรวจสอบรายชื่อที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์นี้แอบอ้างก็เริ่มจับพิรุธได้ว่าโดนหลอก
หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 โดยเบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืน พยายามฆ่า และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป